สารจากประธานกรรมการ

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา

ประธานกรรมการ

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

ปี 2567 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจมหภาคและเศรษฐกิจจุลภาค รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้นำทั้งในประเทศและในต่างประเทศซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษกิจในแง่นโยบายทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตามสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้เลยคือ โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ยังถือเป็นปัจจัยหลักและปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและรวมถึงการผลักดันให้เกิดความเจริญอย่างทั่วถึงเพื่อยกระดับเศรษฐกิจและรวมถึงการปิดช่องว่างทางสังคมอีกด้วย เพราะฉะนั้นปีที่ผ่านมาและรวมไปถึงในอนาคตนั้นอาจจะพูดได้ว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะยังคงผลักดันการลงทุนในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) มีรากฐานที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานและมีเป้าหมายหลักคือการนำเอาเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศ บริษัทยังคงมุ่งมั่นและพัฒนาบริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Data Services) เพื่อให้เป็นเสาหลักของการให้บริการและมีการต่อยอดบริการด้านอื่นๆ (Value Added Services) ที่เป็นส่วนเกี่ยวเนื่องกันเพื่อเพิ่มรายได้จากการให้บริการของบริษัท บริษัทฯยึดมั่นอยู่เสมอว่าหากโครงสร้างพื้นฐานดีแล้วนั้นก็จะทำให้การดำเนินกิจการของลูกค้าสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างไม่สะดุด บริษัทยังตระหนักถึงความสำคัญของการให้บริการอย่างทั่วถึงโดยได้รับความไว้วางใจจากสํานักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ดำเนินโครงการอินเตอร์เน็ทชายขอบทั้งในพื้นที่ชายขอบ (โซน C+) และพื้นที่ห่างไกล (โซน C) ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวสามารถเข้าถึงบริการด้านการเชื่อมต่อได้อย่างทั่วถึงนั่นเอง บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารมาพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยโครงข่ายที่มีเสถียรภาพและสามารถรองรับการเติบโตของทุกภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ทั้งโลกมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวใช้งานด้านเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีใหม่ เช่น AI และการมาของผู้ให้บริการดาร์ต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyper scaler)

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินกิจการของบริษัทต่างๆในประเทศไทยและรวมถึงการเข้ามาของผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyper scalers) เช่น Hyperscale Cloud Providers กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ โดยผู้ให้บริการเหล่านี้ต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูง ความเร็วในการเชื่อมต่อที่เหนือกว่า และความสามารถในการขยายระบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Interlink Telecom ในการขยายเครือข่ายและให้บริการโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมด้วยแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เผชิญความท้าทายและเติบโตอย่างมั่นคง

แม้ว่าปี 2567 จะเป็นปีที่โลกต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตผ่านกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกทั้งการผสมผสานระหว่างลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเหมาะสมทำให้บริษัทลดการพึ่งพิงหรือพึ่งพาลูกค้ารายใดรายหนึ่งเป็นสำคัญ

ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากการท่องเที่ยวที่กลับมาแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับแนวโน้ม Digital Transformation ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาโครงข่ายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการทำงานขององค์กรธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การขยายธุรกิจผ่านโครงข่ายที่ครอบคลุมและบริการที่ครบวงจร

ด้วยโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว่า 75 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นทางรถไฟและเส้นทางถนน รวมถึงเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ติดตั้งทั้งบนเสาไฟฟ้าและใต้ดิน บริษัทฯ ยังคงขยายการให้บริการเพื่อรองรับ Smart City, Data Center, AI Infrastructure และบริการด้าน Cloud โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนลูกค้าองค์กร และเพิ่มรายได้จากบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการเติบโตผ่าน M&A (Merger and Acquisition) เพื่อขยายขีดความสามารถทางธุรกิจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เช่น การเข้าซื้อกิจการด้านสุขภาพ (Health Tech), ผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบ (Hardware Implementor) ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป นอกจากการซื้อแล้วนั้นบริษัทยังมีการขายกิจการบางอย่างเพื่อให้สอดรับกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเพื่อให้บริษัทมีความพร้อมในการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างดีพร้อม

มุ่งสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีแห่งนวัตกรรม

เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบให้แก่ลูกค้า โดยพัฒนาและผลักดันใน 5 เทคโนโลยีหลักซึ่งสามารถต่อยอดจากการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่บริษัทดำเนินการอยู่แล้วได้แก่:
1. Big Data & AI Analytics – การใช้ข้อมูลเพื่อช่วยวิเคราะห์และพยากรณ์แนวโน้มทางธุรกิจ
2. Cloud & Edge Computing – บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างรวดเร็ว
3. Cybersecurity & Blockchain – เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและการทำธุรกรรมทางดิจิทัล
4. IoT & Smart Infrastructure – การนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงสร้างพื้นฐานและเมืองอัจฉริยะ
5. Green Tech & Sustainability - การใช้พลังงานสะอาดและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการดำเนินธุรกิจ

เตรียมพร้อมสู่การเป็น Cloud Implementor ในปี 2568

เพื่อเสริมสร้างความสามารถทางเทคโนโลยีและสนับสนุนองค์กรให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการให้บริการด้าน Cloud Solutions ในปี 2568 โดยเน้นการพัฒนา Multi-Cloud Infrastructure, Hybrid Cloud และ Cloud Security ให้รองรับการใช้งานของภาคธุรกิจในทุกขนาด บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็น Cloud Implementor ชั้นนำของประเทศ เพื่อช่วยองค์กรต่างๆ ปรับตัวเข้าสู่ยุค Cloud-first ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ยึดหลักธรรมาภิบาลและความยั่งยืน

บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับหลัก Environmental, Social, and Governance (ESG) โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานฟอสซิลในโครงข่ายพร้อมกับพัฒนาการใช้ Renewable Energy มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงได้รับการจัดอันดับเป็น หุ้นยั่งยืน (THSI) และรางวัลด้านการกำกับดูแลกิจการระดับ 5 ดาว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

สร้างอนาคตที่มั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน

ในปี 2567 นี้ อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม ยังคงเดินหน้าสู่การเป็น ผู้นำในธุรกิจโครงข่ายและศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีศักยภาพสูงในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงข่ายที่มีคุณภาพ ขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมใหม่ๆ และยกระดับมาตรฐานการบริการให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อสร้าง “การเติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน” สำหรับผู้ถือหุ้น ลูกค้า และสังคมไทยในระยะยาว

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนบริษัทฯ เสมอมา ผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบุคลากร กลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน บริษัทฯ จะสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนต่อไป

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา
ประธานกรรมการ